จาก การที่อาจารย์ภิรมย์ จั่นถาวร อาจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ต้องมาจากไปอย่างกระทันหัน ด้วยวัย 79 ปี ในฐานะที่ได้รู้จักและผูกพันกันมากว่าสี่ทศวรรษ ผมอยากบันทึกเรื่องราวเป็นความทรงจำเกี่ยวกับอาจารย์ไว้
เรารู้จักกันปี 2519 อาจารย์เป็นเป็นศิษย์เก่าเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์รุ่นพี่ คือรุ่นคุณทินวัฒน์ มฤคาพิทักษ์ เข้าธรรมศาสตร์ก่อนผม 8 ปี ตอนที่เราเจอกัน ผมเป็นนักศึกษาปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ อาจารย์เพิ่งจบ ปริญญาโท กลับมาจาก University of the Philippines เจอกันครั้งแรกในการสัมมนาเรื่องความไม่เท่าเทียมของการกระจายรายได้ เนื่องจาก ตอนที่เรียนปริญญาโทผมได้ รับทุนเพื่อให้เป็นอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เลยมีโอกาสได้ไปสอบภาษาอังกฤษ ที่เอยูเอ เพื่อเตรียมไปเรียน ปริญญาเอก พร้อมอาจารย์ภิรมย์และอาจารย์กุณฑล ศรีเสริมโภค (ท่านพึ่งเสียก่อนอาจารย์ภิรมย์สัปดาห์เศษ) เราทั้งสามคนไปเรียนปริญญาเอกที่อเมริกาในปี 2521 โดยไปคนละมหาวิทยาลัย ผมกลับมาก่อนอาจารย์ภิรมย์ เพราะอาจารย์ย้ายมหาวิทยาลัย จึงจบช้ากว่าผม เมื่ออาจารย์ภิรมย์กลับมาสอนที่ธรรมศาสตร์ ท่านเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว single dad มีลูกเล็กสองคนคือน้องต้นและน้องน้อย ผมกับอาจารย์ภิรมย์ แม้เรียนคนละ major แต่ก็คุยกันได้ดี ช่วงอาจารย์กลับมานั้นผมยังเป็นโสด อาจารย์ก็โสดครั้งที่สอง เราเลยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มีไปกับสาวสาวเป็นบางครั้ง จำได้ไปฟังเพลงกันที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์และดุสิตธานีที่ฮอตมากสมัย 30 ปีก่อน แต่ไม่นานเราก็สละโสด ผมได้รับเกียรติให้เพื่อนเจ้าบ่าวอาจารย์ภิรมย์ จำได้ว่าไปขอเจ้าสาวที่บ้านลาดหญ้าไปกันสามคนที่เพื่อนเจ้าบ่าว มีอาจารย์สมยศ เชื้อไทย มีผมและมีอาจารย์จาก มหาวิทยาลัยสุโขทัยอีกท่าน สำหรับงานแต่งงานจัดที่โรงแรม majestic ถนนราชดำเนินมีผมเป็นอาจารย์คนเดียวจากคณะเศรษฐศาสตร์ที่เป็นแขกของงาน หลังจากนั้นความสัมพันธ์เราดีขึ้นตลอด อาจารย์มาทานข้าวกับผมหลายครั้งที่บ้านคุณแม่ผมและคุ้นเคยกับคุณแม่ของผม ตอนหลังเราย้ายบ้านไปอยู่บางกรวยใกล้กันนิดเดียว จากการพบกันบ่อย ผมก็รู้เรื่องราวของอาจารย์ลึกลึกหลายเรื่อง เราห่างกันไปบ้างตอนผมเป็นผู้บริหารของคณะและมหาวิทยาลัย ผมไม่ได้ชวนท่านไปร่วมงานในฐานะผู้บริหารด้วย เพราะรู้ว่าท่านไม่ชอบงานบริหาร (แต่ครั้งหนึ่งท่านก็เคยเป็นรองคณบดีฝ่ายการนักศึกษาและเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยเอกชนตอนเกษียณแล้ว) แต่ก็ยังเจออาจารย์อยู่เพราะอาจารย์เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์หลายสมัย หลังที่เราเกษียณจากราชการ เราคบกันแบบเจอกันเดือนสองเดือนครั้ง ถ้าไปงานคณะตอนกลางคืน บางครั้งไปด้วยกัน อาจารย์ขับรถให้ผมนั่ง เวลามีแขกต่างประเทศมา ผมชอบชวนอาจารย์มาด้วย เพราะท่านชอบคุยกับต่างชาติ ทำนองเดียวกัน อาจารย์มีเพื่อนหลากหลายวงการท่านก็แนะนำให้รู้จักผมจำนวนไม่น้อย ผมชวนท่านมาเรียนหลักสูตรธรรมศาสตร์เพื่อสังคมท่านก็มาเรียน ได้มีโอกาสไป ประเทศออสเตรียและฮังการี ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำดานูบกันก่อนโควิด ตอนหลังๆอาจารย์ภิรมย์ ชอบมาบ้านผมเกือบทุกอาทิตย์ เอากล้วยที่บ้านของท่านมาให้ อาจารย์ดูแข็งแรงดีตลอด อาจารย์ภิรมย์เริ่มมีอาการท้องผูกตั้งแต่เดือนตุลา 2566 ได้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ได้รักษาแค่ตามอาการ จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาปี 2567 เริ่มมีอาการท้องผูกและท้องอืดมากขึ้น เคยถ่ายอุจจาระเป็นเลือดบางครั้ง จึงได้ไปส่องกล้องที่โรงพยาบาลแห่งนั้น พบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง และได้ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบว่า มะเร็งได้แพร่กระจายไปที่ตับและมีลิ่มเลือดอุดตันในปอดด้วย แต่ทางโรงพยาบาลนั้นใช้เวลานานในการนัดพบแพทย์ จึงได้มาปรึกษาภรรยาผมซึ่งเป็นอาจารย์ภาควิชารังสีวิทยาโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเธอได้ช่วยให้อาจารย์ภิรมย์ได้มาตรวจกับอาจารย์แผนกเคมีบำบัดได้อย่างรวดเร็ว และได้แอดมิดในสัปดาห์นั้นเพื่อให้ยาเคมีบำบัดเลย ซึ่งตอนแรกอาจารย์ภิรมย์ปฏิเสธไม่อยากให้ แต่เมื่ออาจารย์ผู้เชี่ยวชาญได้คุยให้ฟังว่าจะมีโอกาสดีขึ้นในเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูง ผลข้างเคียงเรื่องอาเจียนน้อย เพราะสามารถให้ยากันอาเจียนได้ อาจารย์จึงตัดสินใจรับยาเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลศิริราช ทั้งหมดประมาณสามคอร์สห่างกันประมาณ 2-3 สัปดาห์ ผลการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ล่าสุดพบว่ามะเร็งที่แพร่กระจายมาที่ตับมีขนาดลดลงเหมือนดูจะดีขึ้น แต่อาจารย์ก็ยังมีอาการท้องผูกและคลื่นไส้อาเจียน ทานอะไรแทบไม่ได้ ไปตรวจเลือดพบว่ามีค่าโซเดียมต่ำและซีดมากจึงได้เข้าโรงพยาบาลศิริราชอีกครั้งเพื่อรับเลือดและให้น้ำเกลือ จากนั้นได้กลับบ้านไป เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา อาจารย์เริ่มมีหายใจเหนื่อย มีไข้ต่ำๆ อาการดูไม่ดีญาติจึงพามาโรงพยาบาลศิริราชปิะยมหาราชการุณย์ด่วน พบว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงได้รับการรักษาในไอซียู แต่อยู่ได้เพียงคืนเดียว เช้าวันที่ 12 พฤษภาคมอาจารย์มีความดันตกและสิ้นไปอย่างสงบในเช้าของวันที่ 12 พค นี้เอง เชื่อไหมว่าแม้ท่านจะป่วยมาก แต่ท่านส่งไลน์ และ Messenger คุยกับผมตลอดโดยเฉพาะเรื่องการแต่งงานของลูกผม ซึ่งเดิมผมกะจะเชิญท่านเป็นแขกมางานหมั้นในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเชิญเฉพาะคนสนิทกัน 40 คน แต่ท่านก็มาไม่ไหว แต่ได้อวยพรและส่งเงินมาช่วยงาน สองอาทิตย์ก่อนงานแต่งงานผมไปประเทศจอร์เจีย ผมได้โพสต์รูปตุ๊กตาต่างๆ ท่านสนใจมากๆ และบอกให้ผมเอาตุ๊กตามาฝาก ซึ่งผมก็ไปจัดหามาได้แล้ว1 ตัว ตามรูปที่โพสต์ไว้ นี้ กะจะให้ท่าน โดยกะเอาไปให้ท่านหลังงานแต่งงานลูกชายแต่ไม่ทัน อาจารย์มาด่วนจากไปเสียก่อน การจากไปของอาจารย์อย่างกระทันหันเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้ผมและทุกคนที่รักใคร่อาจารย์รู้สึกสูญเสียอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่ความรู้และประสบการณ์ที่อาจารย์ได้ส่งต่อให้แก่นักศึกษาและเพื่อนร่วมงานมาตลอด แต่ยังรวมถึงความอบอุ่น ความเข้าใจ และมิตรภาพที่อาจารย์มอบให้กับผมและทุกคนที่ได้สัมผัส ผมขอขอบคุณอาจารย์ที่เป็นเพื่อนที่ดีตลอดมา และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในการจากไปครั้งนี้ ผมหวังว่าอาจารย์จะได้พบกับความสงบและความสุขในภพชาติหน้า ด้วยความรักและอาลัย
0 Comments
Leave a Reply. |
ทีมงานนมธ.
ทีมคณะทำงานมูลนิธินมธ. ข่าวตามเดือน
October 2024
ประเภทข่าว
All
|