ช่วงบรรยาย (ช่วงที่ 1) ได้รับเกียรติจาก ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และศิษย์เก่านมธ.รุ่นที่๑๒ บรรยายในหัวข้อเรื่อง “เศรษฐกิจไทยในบริบทของการ เปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก” กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีปัจจัยจากหลายสาเหตุ ที่ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ชะลอการเติบโตและส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก เช่น 1. ปัญหาไวรัส โควิด-19 2. ปัญหาภัยแล้ง 3. งบประมาณล่าช้า กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องมาจากความผันผวนในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการเปิดเสรีทางการค้า การลงทุน (FTAs) ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยประเทศคู่ค้าที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ได้นำประเด็นต่างๆ มา สร้างกฎระเบียบ กติกาและมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ๆ ในขณะเดียวกันนานาประเทศที่เป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้าต่างปรับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เน้นการผลิตภายในประเทศและภูมิภาค เพิ่มการส่งออก และลดการนำเข้า ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้ทันกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคสังคมต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและบูรณาการระหว่างกัน เพื่อให้อยู่รอดและแข่งขันได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่ หลังจากนี้ ประมาณ 2 เดือน คงต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกค่ะ ว่าแน้วโน้มจะดีขึ้นอย่างไร จึงขอให้ทุกท่านมีสติ และอย่าประมาท ในทุกด้านนะคะ ผู้อบรมต่างให้ความสนใจในหัวข้อนี้ และตั้งใจฟังท่านวิทยากรบรรยายค่ะ ในช่วงท้ายของการบรรยาย ท่านวิทยากรได้เปิดโอกาสให้ผู้อบรมจะได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และมีบางท่านที่มีคำถาม ก็สามารถถามได้ค่ะ จึงมีผู้อบรมร่วมเสนอแนะและถามคำถามมากมายกับท่านวิทยากร แต่ละคำถาม เข้มข้นมากเลยค่ะ อาทิ เช่น แนวทางการแก้ปัญหาค่าเงินบาท การกีดกันการนำเข้าสินค้าของรัฐบาล ปัญหาการกู้เงินของรัฐบาล ซึ่งท่านวิทยากรก็ได้อธิบายเพิ่มเติม ให้ข้อมูลและคำตอบกับผู้อบรมเป็นอย่างดีค่ะ บรรยากาศในช่วงแรก กับหัวข้อบรรยาย เป็นไปอย่างเข้มข้น และเต็มเปี่ยมด้วยเนื้อหาสาระ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับทุกท่านเป็นอย่างมากค่ะ พักเบรคซักครู่ กลับเข้าสู่ช่วงบรรยายช่วงต่อไป ช่วงบรรยาย (ช่วงที่ 2) ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ดิลก ภิยโยทัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรยายในหัวข้อ “TLP รักษ์สุขภาพ” ในปัจจุบัน ประชาชนได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ มาเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้น เนื้อหาในช่วงบรรยายช่วงที่ 2 เชื่อว่าผู้อบรมทุกท่าน จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมากค่ะ ท่านวิทยากร ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ สาเหตุของโรคใกล้ตัว และการดูแลสุขภาพเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น 1. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน 2. โรคหลอดเลือดสมอง 3. 10 อันดับ สาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลก 4. ความดันโลหิตสูง 5. โรคเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ 6. ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ 7. โรคเบาหวาน 8. ความดันโลหิตสูง 9. ตารางการแสดงช่วงอัตรา ชีพจรในขณะออกกำลังกายที่เหมาะสม 10. ไขมันอิ่มตัว 11. กัญชาทางการแพทย์ 12. Covid-19 ท่านวิทยากร ได้ยกตัวอย่างคนไข้บางเคส เพื่อนำมาประกอบให้ท่านผู้อบรมได้เห็นภาพมากขึ้น เมื่อมีอาการป่วย และมีอาการกำเริบ ระบบภายในร่างกายทำงานผิดปกติอย่างไร ซึ่งจะทำให้ผู้อบรมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพมากขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากได้ฟังคำบรรยายในหัวข้อนี้ ทุกท่านจะรักษ์สุขภาพ และทราบวิธีการปฏิบัติตน และดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงนำความรู้ที่ได้ ไปแนะนำต่อให้เกิดประโยชน์กับบุคคลใกล้ชิด ต่อไป เข้าสู่ช่วงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ หลังจากผ่านการอบรมมา 4 สัปดาห์ มีการแบ่งสีเรียบร้อยแล้ว มาถึงสัปดาห์ที่ ผู้อบรมจะเป็นฝ่ายจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์เองแล้วค่ะ สีแรก คือ สีเขียวค่ะ ช่วงเย็นหลังจบการบรรยาย ผู้อบรมได้เปลี่ยนเสื้อและเครื่องแต่งกายที่เตรียมมา เพื่อแสดงพลังความสามัคคีของกลุ่ม หลังจากนั้น ก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน กับทุกกลุ่มค่ะ นับเวลาถอยหลัง อีกเพียง 5 วัน ก็จะถึงวันที่สำคัญ ที่ชาว นมธ. จะได้รวมตัวกันอีกครั้ง คือ "กิจกรรมรับเพื่อนใหม่"
ที่พัทยาค่ะ แต่ละกลุ่มได้รับโจทก์การแสดงโชว์ โดยมีรุ่น 15 เป็นผู้ให้คะแนน งานนี้เลยต้องจัดเต็ม อลังการงานสร้าง แต่ละสีนัดหมายเตรียมการซ้อมใหญ่ กันอย่างตั้งใจค่ะ รอติดตามชมกันค่ะ ว่าแต่ละสี แต่ละกลุ่มจะเตรียมอะไรมาแสดง แล้วจะรีบอัพเดทให้นะคะ
0 Comments
บรรยายช่วงที่ 1 ได้รับเกียรติ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บ.ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่น จำกัด พิธีกร ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์กองทัพบก บรรยายในหัวข้อ ความท้าทายระหว่าง เจเนอเรชั่น Baby Boomer ,GenX , GenY และ Social media ทำความรู้จักกลุ่มคนใน 4 เจเนอเรชั่น พร้อมเข้าใจลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข Baby Boomer Generation หรือ Gen B คือคนมีอายุประมาณ 60 ขึ้นไป ลักษณะนิสัยจะเป็นคนจริงจัง เคร่งครัดเรื่องขนมธรรมเนียนประเพณี เป็นเจ้าคนนายคน ชีวิตทุ่มเทให้กับการทำงาน มีความอดทนสูง ประหยัดอดออม ซึ่งมักถูกจัดเป็นพวก "อนุรักษนิยม" คนในยุคนี้มีค่านิยมว่าต้องมีทายาทหรือลูกหลานเยอะๆ เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานมาช่วยกันพัฒนาประเทศ Generation X หรือ Gen-X ปัจจุบันคนยุค Gen-X เป็นคนวัยทำงาน มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป พฤติกรรมและลักษณะนิสัยของคนกลุ่มนี้ที่เด่นชัดคือ ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ มีแนวคิดสร้างความสมดุลในเรื่องงานและครอบครัว คือทำงานตามหน้าที่ ไม่บ้างาน ไม่ทุ่มเท ทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดเปิดกว้าง สร้างสรรค์ Generation Y หรือ Gen-Y จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิตัล มีความเป็นสากล เปิดรับวัฒนธรรมแบบ Teen Pop มองว่าการชื่นชอบศิลปินต่างชาติเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเทคโนโลยีพกพา รักความสะดวกสบาย เกิดมาในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและเฟื่องฟู มีแนวคิดเป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ต้องการความชัดเจนในการทำงาน คาดหวังที่จะมีเงินเดือนสูงๆ คาดหวังคำชม แต่ไม่อดทนต่องานที่ทำ ชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ คนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ชอบงานด้านไอที ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำสิ่งใหม่ๆ รวมทั้งสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่วิทยากร ได้อธิบายลักษณะเด่นของแต่ละ Gen แล้ว ผู้อบรมน่าจะกำลังพิจารณาว่า ตัวเองตรงกับ Gen ไหนค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุก Gen ล้วนมีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันออกไป แต่ละสังคม องค์กร ต่างต้องอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีทุก Gen นั่นเอง ถ้าเราเข้าใจ เราจะสามารถบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรของตนเอง ได้เป็นอย่างดี เมื่อจบการบรรยาย ในช่วงท้าย มีผู้อบรมจำนวนมาก สนใจสอบถามท่านวิทยากร เพิ่มเติมค่ะ อาทิเช่น จะทำอย่างไรที่จะสามารถทำให้สังคมที่มีทุก Gen อยู่ร่วมกันนั้นสามารถอยู่กันได้อย่างราบรื่น เป็นต้น เชื่อว่า จากหัวข้อการบรรยายนี้ ผู้อบรมจะได้ประโยชน์ และสามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรของตนเองต่อไป บรรยายช่วงที่ 2 ดร.ป๋วย...คนธรรมศาสตร์เพื่อสังคม โดย ศาสตราจารย์ ดร.พนัส สิมะเสถียร รองประธาน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนักวิทยาศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ดำเนินรายการโดย รองศาสตราจารย์ ดร.นริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการบริหาร สถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์เพื่อสังคม อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คือนักเศรษฐศาสตร์ นักการศึกษา ที่มีบทบาทในสังคมไทยตั้งแต่ปี 2492-2519 ในอดีตอาจารย์ป๋วยเคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ทำงานควบคุมทั้งนโยบายด้านการเงิน การคลังและงบประมาณของประเทศ นอกจากนี้อาจารย์ป๋วยยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งใน “ปูชนียบุคคล” สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย อาจารย์ป๋วยได้รับ รางวัลแมกไซไซ สาขาการทำงานในภาครัฐคนแรกของประเทศเมื่อปี 2508 คณะกรรมการฯ ได้ประกาศเกียรติคุณอาจารย์ป๋วยไว้ว่า “การปฏิบัติงานของ ดร.ป๋วย เป็นเครื่องยืนยันว่า บุคคลเพียงผู้เดียวเท่านั้น ก็สามารถจะเป็นกำลังสำคัญในอันที่จะนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศตนได้ แม้กระทั่งในยามที่มีการทุจริตในวงราชการเกิดขึ้นอยู่เสมอในประเทศกำลังพัฒนาหลายๆ ประเทศ” บันทึกปาฐกถาและงานเขียนของท่านเกี่ยวกับอุดมคติ ประจำใจยืนยันว่า คนเรา จะเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ ต้องระลึกเสมอถึงคุณธรรม 3 ข้อคือ ความจริง ความงาม และความดี ความจริง หมายถึงสัจธรรม และหลักวิชา ที่มีคุณประโยชน์ ความงาม หมายถึงสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีวัฒนธรรม คือมีความสุนทรียะ ทั้งวรรณศิลป์ ศิลปกรรม นาฏศิลป์ และการดนตรี รวมถึงการกีฬาต่างๆ ความดี หมายถึง มีความซื่อสัตย์สุจริต การไม่เบียดเบียนประทุษร้ายต่อกัน ดร.ป๋วย มีความซื่อสัตย์สุจริต รักความถูกต้อง ไม่ให้เอาเปรียบใคร ท่านมีความคิดและการปฏิบัติ ที่ยึดหลักมนุษยธรรมและความเป็นธรรม เป็นที่ตั้ง ดร.ป๋วยมีความเห็นว่า “คนรวยควรเสียภาษีในอัตราสูงกว่าคนจนจึงจะยุติธรรม คนจนจริงๆ นอกจากจะไม่ควรเสียภาษีแล้ว รัฐบาลควรจะจ่ายเงินอุดหนุนให้ด้วย เพราะมนุษยธรรมเป็นพี่น้องฝาแฝดกับความยุติธรรม” ผู้คนในสังคมที่ยึดมั่นอุดมการณ์และศรัทธาในปูชนียบุคคลต้นแบบ ยังคงขับขาน สานต่อ แนวความคิดของอาจารย์ป๋วย ไม่เพียงจัดระบบการศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตเป็นมนุษย์ที่ดี เป็นพลเมืองดี เป็นผู้มีความสามารถในการประกอบวิชาชีพเท่านั้น คนไทยทุกคนควรปฏิบัติตามและนำไปเป็นแบบอย่าง จะนำมาซึ่งความยุติธรรม ความโปร่งใส หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในการบรรยายครั้งนี้ ผู้อบรมหลักสูตร นมธ.รุ่น16 จะได้รำลึกถึงความดีของ ดร.ป๋วย และนำข้อคิดไปปรับใช้กับตนเองและพัฒนาองค์กรต่อไป เข้าสู่ช่วงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
วันนี้ รุ่นพี่ นมธ.รุ่น15 มาประชุมเตรียมงานรับเพื่อนใหม่ หลังจากประชุมเสร็จ อยู่พบปะสังสรรค์กับ รุ่นน้อง นมธ.รุ่น 16 ทำให้บรรยากาศในช่วงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เป็นไปอย่างสนุกสนาน หลังจากที่อบรมอย่างเข้มข้นมาทั้งวัน ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งเสียงเพลง และรอยยิ้ม ของผู้อบรมกันแล้วล่ะค่ะ บรรยากาศการอบรมในสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามค่ะ ช่วงบรรยาย ช่วงที่ 1 ได้รับเกียรติจาก คุณยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันอาหารและอดีตผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย บรรยายในหัวข้อ การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการในยุค 4.0 การนำนวัตกรรมมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าสู่ตลาด การสร้างหรือต่อยอดนวัตกรรมทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารให้เกิดมูลค่าในเชิงพาณิชย์ สถาบันอาหารได้จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งชาติ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ "ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก" โดยมีเป้าหมายในการเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารติดอันดับ TOP 5 ในปี พ.ศ. 2579 จึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนฯ ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศสู่ยุค 4.0 จะให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและการแข่งขันของผู้ประกอบการอาหารไทยให้เข้าสู่ยุค 4.0 หรือให้เป็นนักรบรุ่นใหม่ (New warrior) 35,000 ราย ภายในปี 2579 ด้วยนวัตกรรม โดยภาครัฐจะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการการผลิต การตลาด ตลอดจนการสนับสนุนคูปองเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขยายตลาด 2. การจัดระบบการพัฒนาปัจจัยเอื้อต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยเป็นครัวของโลก (Enabling factor) เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทย(New warrior)ด้วยการพัฒนา World Food Valley Thailand ในรูปแบบประชารัฐ มุ่งเป้าสู่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอาหาร 3. การพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมอาหารอนาคต และช่องทางการค้าในเวทีสากลเพื่อให้ SMEs ได้มีโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผู้อบรมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบกับภาพรวมของเศรษฐกิจไทย รวมถึงเป็นความรู้ใหม่ที่ผู้อบรมอาจไม่เคยได้รับฟังเนื้อหาเชิงลึกเช่นนี้ เนื้อหาที่เข้มข้น ทำให้ผู้อบรมตั้งใจฟังการบรรยายในครั้งนี้เป็นอย่างมากค่ะ ช่วงบรรยาย ช่างที่ 2 ได้รับเกียรติจาก ดร.สุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย บรรยายในหัวข้อ "เศรษฐศาสตร์กับภาวะผู้นำ" ได้กล่าวว่า เมื่อคนอยู่ร่วมกัน จำเป็นต้องมีการแบ่งหน้าที่ให้และผลประโยชน์ให้แต่ละคน ผู้นำคือผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการ เพื่อให้ทุกคนได้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและสถานะการณ์ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง คุณสมบัติของผู้นำยุคใหม่ - ต้องมีวิสัยทัศน์และทัศนคติที่ถูกต้อง - มีความคิดในทางที่ดี สร้างสรรค์ - มีความสามารถในการสื่อสาร - ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร - มีความมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย - มีความสุขกับงาน ท่านวิทยากร ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ ผู้นำที่เหมาะสมกับสถานะการณ์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงหลายๆด้าน รวมถึงการสร้างสังคม ครอบครัว ประเทศที่สมานฉันท์ เข้มแข็ง มีความสุข เน้นย้ำว่า เป็นสิทธิและหน้าที่ของทุกๆคน ในหัวข้อการบรรยายช่วงที่ 2 นี้ ผู้อบรมหลายท่าน ต่างเสนอแนะ และตั้งคำถาม ไม่เพียงเพราะแค่ ภาวะการเป็นผู้นำเท่านั้น แต่เนื้อหาครอบคลุมถึง เรื่องราวในปัจจุบัน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อบรมต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อนำไปปรับใช้กับตนเอง และพัฒนาองค์กรของตนเองต่อไป เมื่อจบการบรรยายทั้ง 2 ช่วง ท่านผู้อำนวยการหลักสูตร ดร.มนตรี ฐิรโฆไท ได้อ่านกลอนและเชิญชวนผู้อบรม ยืนไว้อาลัย เป็นเวลา 1 นาที เพื่อแสดงถึงความเสียใจ และให้กำลังใจ ชาวจังหวัดนครราชสีมา กับเหตุการณ์กราดยิง กลางห้างTerminal 21 เมื่อวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา จนเกิดโศกนาฏกรรม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ช่วงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ จากการได้แบ่งกลุ่มสีเรียบร้อยแล้ว จึงต้องมีการแต่งตั้งประธานสีและคณะกรรมการ วันนี้ทุกสีจึงได้ทำการเลือกสมาชิกในกลุ่มเพื่อทำหน้าที่ในกลุ่มของตนเอง และแนะนำประธานสี ให้กับทุกท่านได้รับทราบ บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน เมื่อทราบว่า ประธานของแต่ละสีเป็นใครกันบ้าง นอกจากแต่งตั้งคณะกรรมการประจำสีแล้ว ยังมีการบ้านที่ผู้อบรมต้องฝึกซ้อม เพราะกิจกรรม " รับเพื่อนใหม่ " ใกล้จะมาถึง อยากจะรู้ว่า แต่ละกลุ่มจะเตรียมการแสดงอะไรบ้างนั้น ต้องติดตามกันต่อไป บรรยากาศการอบรมในวันนี้ เข้มข้นด้วยเนื้อหาจากช่วงบรรยายทั้ง 2 ช่วง ผู้อบรมได้ทั้งความรู้ แนวคิดใหม่ๆเพื่อนำไปพัฒนาตนเองและองค์กรต่อไป และยังสนุกสนานกับช่วงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
พบกันใหม่ ในสัปดาห์ต่อไป จะนำบรรยากาศในการอบรมมาอัพเดทให้ค่ะ เริ่มลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 12.30-13.30 น. ผู้อบรมเริ่มเดินทางมาลงทะเบียน เป็นสัปดาห์แรกที่มีการแบ่งกลุ่มสี โดยได้จัดที่นั่งให้ผู้อบรมนั่งประจำสีที่กำหนดให้ แบ่งเป็นสีฟ้า สีเหลือง สีแดง และสีเขียว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เพราะผู้อบรมจะได้ทราบว่าตนเองอยู่สีอะไรและในกลุ่มมีใครกันบ้าง เวลา13.30 – 15.30 น. เข้าสู่การบรรยายช่วงที่ 1 ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิรัชกิจ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในหัวข้อ “Good Performance of Great Leadership” เพี่อส่งเสริมการคิดบวก ปรับทัศนคติ มุมมอง รู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ทักษะการสร้างสรรค์อารมณ์ และการแสดงออกที่พึงประสงค์เพื่อการสื่อสารที่ดี นำไปสู่องค์กรแห่งความสุข การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง วิเคราะห์ วิจารณ์และพิจารณาบุคลิกภาพของบุคคลรอบข้าง พร้อมพัฒนาความฉลาดทางด้านอารมณ์สู่ความเข้าใจที่ดีต่อกัน ผู้อบรม นมธ.รุ่นที่16 ต่างให้ความสนใจ และสนุกสนานกับการฟังบรรยาย แลกเปลี่ยน เสนอแนะ และร่วมแสดงความคิดเห็นกับวิทยากรเป็นอย่างดี รวมถึงได้รับสาระ ประโยชน์จากการรับฟังหัวข้อบรรยายในครั้งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้กับตนเองต่อไป ต่อมา เวลา 16.00 – 18.00 น. เข้าสู่การบรรยายช่วงที่ 2 ได้รับเกียรติจาก ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพี่อสังคมและธรรมภิบาล บรรยายในหัวข้อ “ธรรมาภิบาลสำหรับนักบริหาร” กล่าวถึง การปกครอง การบริหารจัดการ และลักษณะของธรรมาภิบาลซึ่งเป็นเรื่องของหลักการบริหารแนวใหม่ มุ่งเน้นหลักการโดยมิใช่หลักการที่เป็นรูปแบบทฤษฎีการบริหารงานแต่เป็นหลักการทำงาน ซึ่งหากมีการนำมาใช้เพื่อการบริหารแล้ว จะเกิดความเชื่อมั่นว่า จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือ ความเป็นธรรม ความสุจริต ความมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้อบรมต่างให้ความสนใจ เนื้อหาและสาระ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้อบรมเป็นอย่างมาก จากการได้ฟังบรรยายในครั้งนี้ คาดว่าผู้อบรมจะได้นำความรู้ที่เพิ่มเติม ไปเสริมสร้างและพัฒนาองค์กรของตนเองได้เป็นอย่างดี เสร็จจากหัวข้อบรรยายทั้ง 2 ช่วง เวลา18.00 น. เป็นต้นไป ผู้อบรมทุกท่าน ได้ร่วมกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยสถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์เพี่อสังคม จัดเตรียมขึ้น เพื่อสานสัมพันธ์ ผู้อบรม นมธ.รุ่น 16 ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึง จากการแบ่งกลุ่มสีทำให้สมาชิกในกลุ่มสีเดียวกันได้คิดและเตรียมกิจกรรมวันรับเพื่อนใหม่ ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา ที่ใกล้จะถึงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ อีกด้วย บรรยากาศการอบรมทั้งวันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้อบรมได้รับทั้งความรู้ ด้านวิชาการ และความสนุกสนาน ในการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ พบกันใหม่ วันอังคาร ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2562 เวลา 13.00-15.00 น. |
ทีมงานนมธ.ทีมคณะทำงานมูลนิธินมธ. บรรยากาศอบรม
September 2024
ประเภท
All
|